คลังรื้อโมเดล ‘คุณสู้เราช่วย’ ค้างชำระ 1 วันก็เข้าได้-ไม่ทิ้งลูกหนี้ดี

ข่าวด่วนวันนี้ (ข่าวทั่วไทย)

กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศปรับเกณฑ์มาตรการแก้หนี้ “คุณสู้ เราช่วย” ครั้งใหญ่ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้เข้าร่วมโครงการได้มากขึ้น โดยตั้งเป้าขยายกลุ่มเป้าหมายเพิ่มอีก 2 ล้านราย หลังพบว่าการดำเนินโครงการในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา “ไม่เข้าเป้า” ตามที่วางไว้ นอกจากนี้ ยังวางแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระดี ไม่ให้เสียกำลังใจ พร้อมเดินหน้าแก้หนี้เฟส 2 สำหรับกลุ่มหนี้เสียจากผู้ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (น็อนแบงก์)

เปิดกว้างกลุ่มเป้าหมาย – ค้างชำระ 1 วันก็เข้าได้แล้ว

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า การปรับเกณฑ์ใหม่นี้จะเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ที่เริ่มผิดนัดชำระตั้งแต่ 1 วันขึ้นไปสามารถเข้าร่วมโครงการได้ ไม่จำเป็นต้องค้างชำระถึง 30 วันตามเกณฑ์เดิม รวมถึงกลุ่มที่เป็นหนี้เสียเกิน 1 ปี ซึ่งเดิมไม่สามารถเข้าร่วมได้ ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้เช่นกัน ทั้งนี้ ทางการคาดหวังว่าจะมีลูกหนี้เข้ามาอีก 1.5-2 ล้านราย ภายหลังการปรับเกณฑ์ดังกล่าว

นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศขยายเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ออกไปอีกจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 เมษายน 2568 เนื่องจากยอดลงทะเบียนยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

ตัวเลขโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ยังห่างไกลเป้าหมาย

เมื่อเริ่มโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายให้มีลูกหนี้เข้าร่วมโครงการจำนวน 1.9 ล้านราย คิดเป็นยอดหนี้รวม 8.9 แสนล้านบาท แต่นับตั้งแต่เปิดโครงการเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 จนถึงวันที่ 24 เมษายน 2568 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมเพียง 1.6 ล้านบัญชี (ลูกหนี้ 1.3 ล้านราย) และในจำนวนนี้ มีลูกหนี้ที่ผ่านคุณสมบัติการพิจารณาของสถาบันการเงิน ณ วันที่ 15 เมษายน 2568 เพียง 5.3 แสนราย หรือคิดเป็น 27% ของลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการทั้งหมด โดยมียอดหนี้ 3.85 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 43% ของยอดหนี้ที่เข้าเกณฑ์ทั้งหมด

ขณะที่รายงานจากบริษัท ข้อมูลเครดิตบูโรแห่งชาติ จำกัด (NCB) ระบุว่า ตัวเลขลูกหนี้ที่ดำเนินการแก้หนี้เสร็จสมบูรณ์ โดยเซ็นสัญญากับเจ้าหนี้และส่งเข้าระบบเครดิตบูโรสะสมจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2568 มีจำนวนเพียง 4.12 แสนบัญชี (2.7 แสนรายลูกหนี้) วงเงินรวมกว่า 3 แสนล้านบาทเท่านั้น

เตรียมแก้หนี้กลุ่มน็อนแบงก์ เดินหน้าเฟส 2

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังยังเปิดเผยว่า ในวันที่ 30 เมษายนนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมีการประกาศมาตรการแก้หนี้อีกครั้ง โดยรัฐบาลมีเป้าหมายที่ต้องการจัดการปัญหาหนี้กลุ่มที่เป็นหนี้เสียไม่เกิน 100,000 บาท ที่มีอยู่กว่า 3 ล้านราย เพื่อให้กลุ่มดังกล่าวกลับมามีเครดิตและสามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ ลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ของผู้ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (น็อนแบงก์) ซึ่งการแก้ไขปัญหาไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากยังต้องหาแหล่งเงินมาดำเนินการ เพราะไม่สามารถใช้เงินที่กันมาจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ที่มีราว 3.8 หมื่นล้านบาทต่อปีได้ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ไม่ยินยอม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม พร้อมพิจารณาออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หากจำเป็น

ดูแลลูกหนี้ดี – ลดดอกเบี้ย รีไฟแนนซ์

นอกจากการช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาแล้ว การปรับมาตรการแก้หนี้ครั้งนี้ยังมีการพิจารณาช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดีด้วย เพื่อส่งเสริมไม่ให้กลุ่มนี้เสียกำลังใจ โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เสนอแนวทางให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณา เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้กลุ่มนี้ หรือการจัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) เพื่อไปรีไฟแนนซ์หนี้เดิม ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์ในการเข้าไปช่วยดูแลกลุ่มลูกหนี้ดีเหล่านี้

เงื่อนไขและประโยชน์สำหรับลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการ

สำหรับลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” จะต้องยอมรับเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้

  1. ไม่สามารถกู้เพิ่มได้เป็นเวลา 12 เดือนหลังเข้าร่วมมาตรการ (ยกเว้นกรณีสินเชื่อธุรกิจ SMEs ที่จำเป็นต้องกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง)
  2. จะถูกรายงานข้อมูลในระบบของบริษัท ข้อมูลเครดิตบูโรแห่งชาติ (NCB) ว่าเข้าร่วมมาตรการ
  3. หากไม่สามารถชำระค่างวดขั้นต่ำหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข จะต้องออกจากมาตรการและชำระดอกเบี้ยที่ได้รับการพักไว้
  4. หากเป็นสัญญาสินเชื่อที่มีผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องให้ความยินยอมและลงนามในสัญญาค้ำประกันใหม่

ขณะที่ประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ ได้แก่

  1. ลดค่างวดเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยชำระค่างวดขั้นต่ำที่ 50%, 70%, และ 90% ของค่างวดเดิม ในปีที่ 1, 2, และ 3 ตามลำดับ โดยค่างวดทั้งหมดจะนำไปตัดเงินต้น
  2. พักดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี และหากลูกหนี้ปฏิบัติตามเงื่อนไขตลอดระยะเวลา 3 ปี ดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับการยกเว้นทั้งหมด
  3. สามารถชำระเกินกว่าค่างวดขั้นต่ำได้ เพื่อตัดเงินต้นเพิ่มและปิดหนี้ได้เร็วขึ้น

กรณีศึกษา SME D Bank – เข้าถึงลูกหนี้ได้ดี

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ธนาคารมีลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์โครงการคุณสู้ เราช่วย จำนวนกว่า 17,200 ราย มูลหนี้ประมาณ 16,800 ล้านบาท โดยได้ดำเนินงานเชิงรุกด้วยการส่งจดหมายแนะนำโครงการ ให้พนักงานติดต่อลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ และเปิด Call Center สายพิเศษเลขหมาย 1357 กด 99 เพื่อให้บริการในโครงการโดยเฉพาะ

ผลการดำเนินงานนับตั้งแต่เปิดลงทะเบียนจนถึงวันที่ 23 เมษายน 2568 มีลูกหนี้ลงทะเบียนเข้าโครงการแล้วกว่า 7,200 ราย หรือคิดเป็นกว่า 40% ของลูกหนี้ทั้งหมดที่มีสิทธิ โดยผ่านเกณฑ์โครงการกว่า 4,650 ราย ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจการค้า 38% ภาคบริการ 34% และภาคการผลิต 28% โดยมีลูกหนี้ที่ผ่านมาตรการและทำสัญญาแล้วกว่า 2,900 ราย มูลหนี้กว่า 3,800 ล้านบาท

กลุ่มลูกหนี้ที่ลงทะเบียนส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายเล็กและรายย่อย โดยแบ่งเป็นกลุ่ม Lower SE (รายได้เกิน 1.8-15 ล้านบาทต่อปี) จำนวน 58% กลุ่ม Micro (รายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี) จำนวน 24% รวมกันคิดเป็น 82% สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการรายเล็กของไทยมีความเปราะบางทางการเงิน และต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดจากภาครัฐ